ฟุตบอลวาไรตี้>>จัดอันดับนักเตะอังกฤษที่ดีที่สุดแห่งยุค 2000 – RANKED
ฟุตบอลวาไรตี้>>ทีมชาติอังกฤษมีนักเตะฝีเท้าดีหลายรายในยุค 2000 ที่ผ่านมา
ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ทีมชาติอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกลุ่มผู้เล่นมากพรสวรรค์หลายราย และบางคนก็เป็นแข้งระดับสัญลักษณ์ของสโมสรที่พาทีมคว้าแชมป์นับไม่ถ้วน และวันนี้เราจะพาไปพบกับ 10 นักเตะเลือดผู้ดีที่ว่ากัน่วา ดีที่สุดในยุคดังกล่าว
ฟุตบอลวาไรตี้>>หลายคนสร้างชื่อและโด่งดังในระดับสโมสร
ฟุตบอลวาไรตี้>>“นับถอยหลัง 10 แข้งที่ดีที่สุดในยุคดังกล่าว
10. แกรี่ เนวิลล์
แกรี่ เนวิลล์ ใช้เวลาตลอดอาชีพค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลงเล่นให้กับทีม “ปีศาจแดง” ไปมากถึง 602 นัดระหว่างปี 1993 – 2011 และได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของอังกฤษ โดยอดีตแข้งรายนี้พา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย และติดทัพ “สิงโตคำราม” ถึง 85 นัด
9. แอชลีย์ โคล
โคล ติดทีมชาติอังกฤษไปแล้วมากกว่า 100 นัด ระหว่างปี 2001 ถึง 2014 และเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คฝั่งซ้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอล โดยดาวเตะรายนี้ช่วย อาร์เซนอล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 3 สมัยในช่วงต้นปี 2000
อย่างไรก็ตาม โคล สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอล “เดอะ กันเนอร์ส” หลังย้ายไป เชลซี ในปี 2006 กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ “สิงห์บลู” โดยใช้เวลา 8 ฤดูกาล ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัยในปี 2009/2010 และคว้าถ้วย ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีต่อมา
อดีตกองกลางรายนี้ติดทีมชาติอังกฤษทั้งหมด 66 นัด และมันอาจจะมากกว่านั้นอีก แต่ สโคล์ส กลับเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่ฟุตบอลระดับสโมสร และช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 6 สมัยในช่วงปี 2000 รวมถึง ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2008 จากนั้น ก็ประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2013 โดยเล่นให้ “ปีศาจแดง” มากกว่า 700 นัด
เทอร์รี่ เป็นผู้นำ และกัปตันทีม เชลซี ที่สร้างอิทธิพลมหาศาล และมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของ “เดอะ บลูส์” โดยลงเล่นไปมากกว่า 700 นัด ให้กับสโมสรจากลอนดอนตะวันตก และปราการหลังจอมทุ่มเทรายนี้ ติดทีมชาติอังกฤษไป 78 นัดระหว่างปี 2003 – 2012
เฟอร์ดินานด์ กลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปยัง แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2001 พร้อมกับคว้าแชมป์ทุกอย่างที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยตลอด 12 ปี กับ “ปีศาจแดง” เขาทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังติดทีมชาติอังกฤษ 81 นัด ระหว่างปี 1997 – 2011
“เบบี้โกล์” ยิงไป 40 ประตู จากการลงเล่น 89 นัด ให้ทีมชาติอังกฤษระหว่างปี 1998 – 2008 และคว้าบัลลงดอร์ในปี 2001 หลังจากช่วยให้ต้นสังกัดอย่าง ลิเวอร์พูล คว้าทริปเปิลแชมป์ฟุตบอลถ้วย จากนั้น โอเว่น ย้ายไป เรอัล มาดริด 1 ปี ก่อนจะกลับมาเล่นให้กับ นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ยูไนเต็ด และแขวนสตั๊ดกับ สโต๊ค ซิตี้
เบ็คแฮม เป็นนักเตะซุเปอร์สตาร์ของอังกฤษในช่วงต้นยุค 2000 และฟรีคิกของเขากับ กรีซ ในเดือนตุลาคม ปี 2001 ก็ช่วยให้อังกฤษเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2002 นอกจากนี้ เจ้าตัวยังติดทัพ “สิงตำคราม” ไปมากถึง 115 เกม
ขณะเดียวกัน ในระดับสโมสร อดีตปีกขวารายนี้สร้างความประทับใจให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอด ก่อนโดนปล่อยตัวให้ มาดริด ในปี 2003 และย้ายไป แอลเอ กาแล็กซี่ ต่อด้วย เอซี มิลาน และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นสโมสรสุดท้ายในปี 2013
เจอร์ราร์ด ลงประเดิมสนามให้กับทีมชาติอังกฤษในปี 2000 และลงรับใช้บ้านเกิดไปมากกว่า 100 นัดตลอดอาชีพค้าแข้งระดับนานาชาติระยะเวลา 14 ปี แต่สิ่งที่หลายคนจดจำได้มากที่สุดคือการที่ “สตีวีจี” พา ลิเวอร์พูล สร้างปาฏิหาริย์ ที่ อิสตันบลู ด้วยการเอาชนะจุดโทษ เอซี มิลาน คว้าแชมป์ในปี 2005
แลมพาร์ด เซ็นสัญญากับ เชลซี ในปี 2001 และอดีตกองกลาง เวสต์แฮม รายนี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ “เดอะ บลูส์” รวมถึงยังเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย โดยจอมทัพรายนี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ในช่วงปี 2000 นอกจากนี้ เขายังเล่นให้ทีมชาติอังกฤษระหว่างปี 1999 ถึง 2014 มากกว่า 100 นัด ยิงได้ 29 ประตู
รูนีย์ ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 2003 กับ เอฟเวอร์ตัน และไม่นานก็ถูกเรียกตัวติดจากอังกฤษ และกลายเป็นผู้ทำประตูอายุน้อยที่สุดของ “ทรีไลออนส์” ในเกมที่พบกับ มาซิโดเนีย ในเดือนกันยายนปีดังกล่าว โดยอดีตหัวหอกจอมบู๊ ย้ายไปกอบโกยความสำเร็จกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2004 และกลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของ “ปีศาจแดง” อีกด้วย