ฟุตบอลวาไรตี้>>ควีวิน เคลเลเฮอร์ ต้องการเป็นเบอร์1ในตำแหน่งนายทวาร ลิเวอร์พูล ต่อจาก อลิสซอน เบ็คเกอร์
จอห์น อัลดริดจ์ ชี้สาเหตุ เคลเลเฮอร์ ต้องการย้ายหนี ลิเวอร์พูล ซัมเมอร์หน้า เนื่องจาก ลิเวอร์ เซ็นสัญญา กับ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลีควีวิน เคเลเฮอร์ มีข่าวต้องการย้ายอกจาก ลิเวอร์พูล เพื่อการันตีตำแหน่งตัวจริงและการลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดย จอห์น อัลดริดจ์ เชื่อว่ามีสาเหตุที่มากกว่านั้นที่ทำให้เจ้าตัวไม่ต้องการอยู่กับทีม หงส์แดงต่อไป
จอห์น อัลดริจด์ อดีตกองหน้าของ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงในศึก พรีเมียร์ลีก ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ต้องการย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ แม้ว่าเจ้าตัวจะโชวืฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ก็ตาม
“ผมคิดว่าเขาสามารถเล่นให้กับทีมในระดับ พรีเมียร์ลีก ได้เกือบทุกทีม ในฐานะผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ซึ่งผมรวมถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแนม, เชลซี และทีมส่วนใหญ่ในครึ่งบนของตารางช”
“ดังนั้น แม้ว่าจะมีการพูดกันเมื่อฤดูร้อนที่แล้วว่า เคลเลเฮอร์ อาจย้ายไปสโมสรใน เดอะแชมเปี้ยนชิพ หลังจากยืนยันว่าเขาขอออกจาก ลิเวอร์พูล เพื่อต้องการลงเล่นในทีมชุดใหญ่ แต่เขาเก่งเกินกว่าจะทำแบบนั้น”
“เขาควรได้ลงเล่นทุกสัปดาห์ใน พรีเมียร์ลีก และด้วยวันเกิดอายุครบ 26 ปีของเขาที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า เขาจะต้องออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น”
ฟุตบอลวาไรตี้>>สโมสรลิเวอร์พูล ได้เซ็นสัญญากับ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี ล่วงหน้า
ซึ่งนายทวารทีมชาติจอร์เจียรายนี้ไม่ได้เซ็นสัญญาเพื่อเป็นผู้รักษาประตูมือสอง นั่นแสดงให้เห็นว่าสโมสรมองว่าเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของ อลิสซอน”
“การเซ็นสัญญาครั้งนั้นถือเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้กับ เคลเลเฮอร์ และคุณคงสงสัยว่า ลิเวอร์พูล จะเสียใจหรือไม่ที่ปล่อยเขาไป เพราะเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถรับมือกับแรงกดดันได้เมื่อถึงเวลาสำคัญ เขาเหมาะสมกับงานนี้แน่นอน” อัลดริจด์ กล่าวควิวีน เคเลเฮอร์ นั้นเกิดและโตในเมือง คอร์ก ที่ประเทศไอร์แลนด์ ผู้คนที่นี่บ้าฟุตบอล แต่ระดับฟุตบอลลีกในประเทศไอร์แลนด์นั้นไม่ได้สูงมาก ไม่มีทีมไหนที่โดดเด่นขึ้นมาในระดับยุโรป ไม่มีสโมสรไหนที่มีระบบอคาเดมี่ปั้นยอดนักเตะมาติดแถวหน้าของโลกได้สม่ำเสมอ
จริง ๆ แล้วก่อนจะมาเป็นประตู เขาเล่นกองหน้ามาตั้งแต่จำความได้ โดยช่วงเวลาตอนอายุ 13-14 ปี เขาถือเป็นกองหน้าที่เก่งที่สุดของทีมที่ชื่อว่า มาริงมาห์น เรนเจอร์ส ถ้าถามว่าเก่งขนาดไหนในระดับมาตรฐานลีกไอร์แลนด์ ก็ต้องบอกว่าเป็นกองหน้าในระดับที่ยิงได้ปีละ 30-40 ลูกทุกซีซั่น นั่นและคือจุดเริ่มต้นด้านฟุตบอลของเขา
“เด็ก ๆ ของเรามีหลายคนมาก แต่มีไม่กี่คนที่ตอนนั้นพวกเขาพร้อมที่จะหาสโมสรเล่นในอังกฤษ เคเลเฮอร์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเขายิงให้เราปีละ 30 ลูก นั่นคือภาพจำในวัยเด็กที่ผมมีต่อเขา ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนมาเล่นเป็นผู้รักษาประตูตอนอายุ 14 ปี” ฌอน ฟิตซ์เจอรัลด์ ทีมงานของสโมสร มาริงมาห์น เล่าถึงวัยเด็กของ เคเลเฮอร์
หลายคนอาจกำลังคิดถึงคำถาม ทำไมต้องเป็นผู้รักษาประตู หลัก ๆ แล้วเรื่องมันมีอยู่ว่าเด็ก ๆ ชาวไอริช จะต้องพยายามถีบตัวเองมาเล่นในอังกฤษให้ได้ หากอยากจะมีอาชีพที่ดีในฐานะนักฟุตบอลคนหนึ่ง และนักเตะตำแหน่งกองหน้าในลีกไอร์แลนด์ ยากที่จะสู้กับเด็กจากอคาเดมี่แถวหน้าของอังกฤษได้ มันเป็นเช่นนั้นเสมอ
สิ่งที่เด็ก ๆ ต้องทำตอนถึงช่วงอายุ 12 ปี ขึ้นไปคือการหาตำแหน่งที่เหมาะที่สุดกับตัวเอง และเป็นตำแหน่งที่จะไปต่อได้เมื่อย้ายไปอยู่อังกฤษ เคเลเฮอร์ เองก็ต้องพยายามหาที่ยืนให้ตัวเองเหมือนกัน การเป็นกองหน้านั้นยากจะเบียดเด็กท้องถิ่นของอังกฤษได้ ทีมงานของสโมสรท้องถิ่นอย่าง มาริงมาห์น จึงพยายามเลือกตำแหน่งใหม่ให้กับเขา ซึ่งมาลงเอยที่ผู้รักษาประตู เนื่องจากเป็นเด็กตัวใหญ่ มีความโดดเด่นเรื่องทักษะทางอารมณ์ เกลียดความพ่ายแพ้ เป็นผู้นำโดยสัญชาตญาณ เเละเหนือสิ่งอื่นใด ประวัติทางพันธุกรรมของเขาดูดีมากรุ่นปู่และรุ่นพ่อของเขาเป็นคนตัวใหญ่ สูงเฉลี่ยใกล้ 190 เซนติเมตร มันคือการซื้อนาคตที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน
ในสายตาของเหล่าโค้ชที่เห็น เคเลเฮอร์ มาตั้งแต่ 5 ขวบบอกว่า ผู้รักษาประตูเป็นตำแหน่งที่เหมาะกับเขาที่สุด และเมื่อถูกสั่งเปลี่ยนตำแหน่ง ดูเหมือนว่า เคเลเฮอร์ จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
ไมเคิล ค็อตเตอร์ ที่โค้ชที่ทำหน้าที่อยู่ในสโมสรมาตั้งแต่อายุ 20 ปี จนปัจจุบันอายุเข้าสู่วัยเกษียณ คือ 1 ในคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ เขาอธิบายถึง เคเลเฮอร์ว่า “เด็ก ๆ ส่วนใหญ่เป็นเหมือนกันคือสุดเหวี่ยงเมื่อทีมเป็นฝ่ายชนะ แต่กับ ควิวีน เขาไปลึกกว่านั้น ชัยชนะคือสิ่งที่เขาหลงไหล เวลาแพ้เขาก็จะเกลียดมันมาก ๆ ปกติแแล้วเขาเป็นคนเงียบ ๆ ในนอกสนาม แต่ถ้าสถานการณ์ในสนามเริ่มดี เขาโดนยิง หรือทีมโดนนำ เขาจะเป็นคนแรกที่เริ่มเปล่งเสียงออกมาสั่งการเพื่อนร่วมทีม ไม่ว่าจะเห็นอะไรในสนามเขาพูดออกมาหมด นั่นแหละเหตุผล”
ลเฮอร์ ผอมเกินไป เทียบกับมือ 1 ของทีมเยาวชน
ในตอนนั้นอย่าง คามิล กบราบารา ที่สูงถึง 195 เซนติเมตร แต่อย่างที่บอกทักษะการสังการและการมองเห็นเกม ทำให้ เคเลเฮอร์ ได้สัญญา โดยที่ มาริงมาห์น ได้ค่าตอบแทนเล็กน้อย พร้อมกับที่ ลิเวอร์พูล จะช่วยลงทุนอัปเกรดอุปกรณ์ในศูนย์ฝึกของสโมสร มาริงมาห์น ให้เพิ่มเติมด้วย
หลังจากได้สัญญา เคเลเฮอร์ พัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว อย่างที่ใครหลายคนเคยพูด ในวงการฟุตบอล “ร่างกายสามารถฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นได้ แต่เซ้นส์คือสิ่งที่สอนกันไม่ได้” คำนี้อธิบายถึงการแข่งขันกันระหว่าง เคเลเฮอร์ กับ กราบาร่า ได้เป็นอย่างดี เพราะ เคเลเฮอร์ ใช้เวลาแค่ปีกว่า ๆ นั้น เขาก้าวนำหน้า กราบาร่า ขึ้นมาเป็นดาวเด่นในทีมเยาวชนได้สำเร็จ